คนที่มีบทบาทมากที่สุดในประเทศไทยคือชาวนา เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหนักเป็น
มีความสันโดษและพอเพียง ชาวนาเติบโตมาข้าวของตัวเอง ไก่ของเขาที่เลี้ยงเอง เก็บผลไม้จากต้นไม้ของเขาเอง และ ช่วยเหลือกันเกื้อกูนกัน ความจำเป็นของการใช้เงินนั้นแทบไม่มี ชาวนา(สมัยก่อน)ไม่ต้องซื้อปุ๋ย, เมล็ดพันธุ์, และใช้เชื้อเพลิงเพียงเล็กน้อย
ชาวนา(สมัยก่อน)ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าและไม่มีน้ำใช้ภายในบ้าน(ใช้ที่แม่น้ำ) แต่เขามีความสุขกับชีวิตของเขา จนวันหนึ่งมีคนบอกเขาว่า "คุณต้องมีชุดโทรทัศน์แล้วนะ"
ชีวิตเกษตรกรจะไม่เหมือนเดิมหลังจากที่เขามีชุดโทรทัศน์ ก่อนอื่นจะต้องได้รับกระแสไฟฟ้าไปที่บ้านและเก็บเงินรายเดือนที่มาพร้อมกับค่าไฟฟ้า แล้วเขาก็จะต้องกู้เงินเพื่อซื้อโทรทัศน์ ซึ่งเขาจะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยสูงผิดปกติ และเกษตรกรคิดว่าพวกได้มีเวลาที่ลำบากยากจน ทำให้ลูก ๆ ของเขาออกจากบ้านเข้าสู่เมืองเพื่อใช้ "ชีวิตที่ง่ายขึ้น" และค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น ตอนนี้เขาต้องแข่งขันเพื่อโทรทัศน์เครื่องนั้น
หลังจากที่ซื้อโทรทัศน์แล้วเขาก็ซื้อเครื่องจักรใหม่ๆ ที่เขาเห็นโฆษณาในโทรทัศน์ กับบรรดาเงื่อนไขเครดิตที่ได้แสนง่าย ภรรยาของเขาก็จะซื้อหม้อหุงข้าว ที่เห็นในโฆษณาโดยยังไม่ต้องชำระเงินใน 90 วันแรก ลูกชายของเขาก็ต้องการรองเท้าแบบบางๆ และลูกสาวก็อยากได้โทรศัพท์มือถือที่เธอเห็นในโทรทัศน์
ตอนนี้เกษตรกรมีปัญหาด้านการเงิน เขาต้องขายที่ดินการเกษตรที่ได้รับจากบรรพบุรุษของเขา ที่สืบทอดกันมากว่าสามชั่วรุ่น และย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ วันหนึ่งขณะเขามองออกไปจากกระท่อมเล็ก ๆ หรือห้องสี่เหลี่ยมของพวกเขา เขาจะนึกถึงวันที่พวกเขาเป็นเจ้าของฟาร์ม, เจ้าของที่นา อากาศสะอาดๆ และเขาจะบอกว่า "มันทั้งหมดเริ่มต้นด้วยโทรทัศน์ตั้งแต่แรก"
เกษตรกรในชนบทอีสานมีรายได้เฉลี่ยๆ 10,000 บาทต่อปี
Thank you. Love for thailand
http://www.khonkaen.com/english/rice_farmer.asp
Comments
Post a Comment